พื้นฐานสำคัญของเริ่มต้นเทรด Forex คือเข้าใจการนับ Pip ศึกษาดูว่า Pip Forex คืออะไรในการเทรด Forex มีวิธีดูและนับอย่างไร ความแตกต่างระหว่าง Pip และ Point
Pip Forex คือ? – Pip คืออะไรในการเทรด Forex?
เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาเทรดฟอเร็กซ์แล้วบางทีก็ได้ยินคำว่าว่า “ปิป” (Pip) บางทีก็เรียกคำว่า “จุด” แล้วปิปกับจุดนั้นเหมือนหรือต่างกันอย่างไร Pip Forex คืออะไรในการเทรด? วันนี้จะมาอธิบายเรื่อง Pip และจุดให้คนเข้าใจกันอย่างถูกต้องค่ะ
ปิป หรือ Pip เป็นหน่วยที่วัดค่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงิน โดยในโบรกเกอร์ที่ให้บริการเลขทศนิยมสี่หลักก็จะนับง่ายหน่อย โดย 1 Pip คือ ทศนิยมหลักที่สี่ หรือ 1 Pip = 0.0001
ตัวอย่างเช่น
- EUR/USD มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1.0000 แล้วราคาขยับเป็น 1.0001 เราจะเรียกว่าราคาขยับไป “1 ปิป” (1 pip)
- USD/CAD = 1.3500 ถ้าเกิดราคาลงมาเป็น 1.3300 แปลว่าราคาขยับลงมา 200 pips
แต่ถ้าเป็นโบรกเกอร์บางเจ้า เช่น Exness หรือ Pepperstone ที่มีทศนิยม 5 หลัก 1 pip จะเท่ากับ 0.00010 และทศนิยมหลักที่ห้าเราจะเรียกว่า “จุด” โดยภาษาอังกฤษจะเรียก point หรือบางตำราเรียกว่า pipette
ตัวอย่างเช่น
- EUR/USD มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1.00000 ราคาขยับไป 1.00010 ในที่นี้จะถือว่าราคาขยับไป 10 จุด ซึ่งเท่ากับ 1 pip

การนับ Pip ที่แตกต่างกันของแต่ละโบรกเกอร์
บางทีหลายคนอาจเคยสับสนว่าทำไมนับ pip ไม่ตรง หรือคำนวณออกมาแล้วได้ไม่ถูกต้อง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าโบรกเกอร์ที่ให้บริการแต่ละเจ้านั้นมีราคาอ้างอิง (Quote) สองแบบหลัก ๆ ด้วยกันคือ
- โบรกเกอร์ที่ให้ราคาอ้างอิงแบบเลขทศนิยมสี่หลัก และสองหลัก เช่น EUR/USD 1.xxxx หรือราคาทองคำ 1800.xx
- โบรกเกอร์ที่ให้ราคาอ้างอิงแบบเลขทศนิยมห้าหลักและสามหลัก EUR/USD 1.xxxxx หรือ GBP/JPY 160.xxx
กล่าวโดยสรุปก็คือ Pip จะใช้นับจุดทศนิยมหลักที่ 4 และ 2 ส่วน “จุด” หรือ Points นั้นจะใช้นับจุดทศนิยมหลักที่ 5 และ 3 ที่ถัดจาก pip นั่นเอง และหมายความว่า pip จะเท่ากับ 10 จุด
สรุปให้เห็นภาพกันอีกครั้ง
- ถ้าคู่เงินมีทศนิยมห้าหลัก 1 pip คือ 0.00010
- ถ้าคู่เงินมีทศนิยมสามหลัก 1 pip คือ 0.010
- ถ้าคู่เงินมีทศนิยมสองหลัก 1 pip คือ 0.10

มูลค่าของ Pip คือ? คำนวณ Pip ยังไง?
แล้วถ้าเราอยากรู้ว่า pip ที่ขยับไปแต่ละ pip นั้นมีมูลค่าเป็นเงินเท่าไหร่ เราจะทราบได้อย่างไร เรามีการคำนวณง่าย ๆ มาฝากเล็กน้อย
ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเราเทรดในบัญชีที่มีขนาดล็อต (lot size) เท่าไหร่ โดยขนาดล็อตมาตรฐานคือ 1 lot = 100,000 หน่วย ดังนั้น 1 lot ของ EUR/USD = 10 USD ต่อ pip (10/100000 = 0.0001 ปิป)
แปลว่า
ถ้าเราเทรด Buy โดยออกล็อต 1 lot โดยที่ EUR/USD มีอัตราแลกเปลี่ยน 1.00005 แล้วราคาขยับขึ้นเป็น 1.00015 (เท่ากับราคาขยับทั้งหมด 1 pip = 10 จุด) เมื่อราคาขยับไป 1 pip หรือ 10 จุด เราจะได้กำไร 10 ดอลลาร์นั่นเอง
ส่วนถ้าใครอยากรู้ต่อว่าจะคำนวณเป็นเงินบาทได้อย่างไรก็ง่าย ๆ เลย พอได้มูลค่า pip แล้วก็นำมาคูณเป็นเงินบาทได้เลย อย่างในตัวอย่างข้างต้นนี้ 1 pip จะเท่ากับ 10 x 35 = 350 บาท (10 ดอลลาร์ x อัตราแลกเปลี่ยน USD/THB)
ตัวอย่างข้างต้นเป็นแค่การคำนวณคร่าว ๆ ซึ่งในสภาพแวดล้อมตลาดจริงยังต้องคำนึงถึงค่าสเปรด และค่าสวอปด้วย
เครื่องมือคำนวณ Pip ช่วยคุณได้
แต่ถ้ายังไม่เข้าใจอยู่
ไม่ต้องสนใจเรื่องสูตรคำนวณเลย เพราะสมัยนี้เรามีสารพัดเครื่องมือมาช่วยในการคำนวณได้ ที่สำคัญหลายคนอาจจะไม่ได้เทรดบัญชี Standard โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นเทรดแรก ๆ ก็อาจจะเริ่มจากบัญชีประเภท Mini หรือ Micro อยู่ แล้วอาจสับสนว่าในกรณีนี้จะคำนวณอย่างไร
เว็บไซต์ช่วยคำนวณ Pip นี้ช่วยคุณได้ ซึ่งในเว็บนี้ แค่คุณกรอกลงไปว่าใช้บัญชีสกุลเงินไหน ขนาดเทรดเท่าไหร่ (ต้องออกล็อตเท่าไหร่) และต้องการทราบมูลค่ากี่ pip มันก็จะคำนวณตารางให้ทุกคู่เลย

ตัวอย่างเช่น เราอยากรู้ว่า ถ้าออกล็อต 0.5 กับคู่ทองคำ (XAUUSD) แล้วราคาขยับไป 30 pip จะคิดเป็นเงินเท่าไหร่
ในที่นี้เราก็กรอกรายละเอียดได้เลยค่ะ
- เลือกสกุลเงินของบัญชี คือ USD
- Trade Size คือ ขนาดล็อตที่ออก: 0.5
- Pips คือ จำนวน Pip ที่เราอยากรู้มูลค่า: 30 pips
- คลิกที่ Calculate จะมีตารางขึ้นมาให้เราดูคู่เงินที่เราเทรด ในที่นี้คือ XAUUSD
ผลลัพธ์ที่ได้จะบอกมูลค่าของ Pip (Pip Value) ว่า pip มีมูลค่าเท่าไหร่ ในที่นี้คือ pip = 500 USD
ในตัวอย่างนี้ สรุปได้ว่า
- ถ้าเราเทรดในบัญชี Standard Lot: 30 pips จะเท่ากับ 30,000 USD,
- ถ้าเป็นบัญชี Mini Lot 30 pip = 3,000 USD
- ถ้าเป็นบัญชี Micro Lot 30 pip = 300 USD

เห็นมั้ยคะ ไม่ยากเลย ประโยชน์ของการคำนวณ Pip เป็นคือเราจะได้ทราบว่า ถ้าราคาขยับไป 10 ปิป แล้วเราจะเสียเงินหรือได้กำไรเท่าไหร่ เช่น ถ้าคุณกำหนดจะวางจุด Stop Loss ไว้ที่ 30 pip คุณจะได้รู้ว่า Stop Loss ที่วางในแต่ละคำสั่งนั้น ถ้าเกิดขาดทุนขึ้นมาจะเสียเท่าไหร่ หรือ Take Profit ที่จุดนั้นจะได้กำไรเท่าไหร่นั่นเองค่ะ
หลังจากนี้เวลาเทรดก็ควรจะคำนวณให้ดี เผื่อจะได้ไม่ overtrade และกำหนดจุด Take Profit และ Stop Loss ได้อย่างมีวินัยกันมากขึ้น