Leverage Ratio คือ? | เข้าใจ Leverage ในการเทรด Forex

การเข้าใจว่าอัตราทดหรือ Leverage Ratio คือ อะไรเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเทรด Forex มาดูว่า Leverage Ratio คำนวณยังไง ช่วยทำกำไรได้ยังไง

บทสรุปแบบย่อ

• Leverage Ratio คือ อัตราทด หรืออัตราส่วนของการวางเงินเป็นหลักประกัน (margin) เพื่อให้เราสามารถเทรดในสัญญาที่มีมูลค่าสูงกว่าได้
• ข้อดีคือมันสามารถทำกำไรได้มหาศาล เมื่อราคาขยับแค่เล็กน้อย แต่ข้อเสียที่สำคัญก็คือถ้าตลาดผันผวนตรงกันข้ามกับทิศทางที่เราเทรดเมื่อไร ก็จะติดลบขาดทุนมหาศาลในพริบตาได้เช่นกัน

เข้าใจการเทรด CFDs 

การเทรด Forex นั้นชื่อในวงการจริง ๆ จะเรียกว่าการเทรด CFDs (Contract for Differences) หรือแปลได้ว่า สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (ของราคา) สิ่งที่เราเทรดกันจริง ๆ นั้นจึงไม่ใช่ค่าเงินจริง ๆ แต่เป็นการเทรดสัญญาซื้อขายส่วนต่างราคา โดยอ้างอิงราคาจากโบรกเกอร์และผู้ให้บริการสภาพคล่องนั่นเอง

แล้วทำไม Forex ถึงทำกำไรได้สูง? 

ลองคิดดู สมมติว่าเรามีเงิน 10,000 บาท แล้วเราอยากไปแลกเป็นเงินดอลลาร์มาเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร ถ้าแลก ณ อัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์กับไทยบาทตอนนี้ เราจะได้เงินดอลลาร์มาประมาณ 290 เหรียญ (ปัดเลขตัวกลมโดย 1 ดอลลาร์ = 35 บาท โดยประมาณ) 

แล้วถ้าเกิดเราโชคดี ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นเป็น 1 ดอลลาร์ = 37 บาท (ขึ้นมา 2 บาท) ถ้าเราแลกเงินกลับมาเป็นเงินบาทจะได้เท่ากับ 37 x 290 = 10,730 และจะได้กำไรเท่ากับ 730 บาท (10,730 – 10,000 = 730 บาท) 

แต่เราต้องรอนานแค่ไหนกว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น หรือเงินบาทจะอ่อนขนาดนั้น เพราะมันอาจใช้เวลานานมาก การเทรดแบบอัตรา 1:1 จึงไม่ค่อยคุ้มค่าเพราะเสียต้นทุนทางเวลาและต้องใช้เงินลงทุนเยอะ ถ้าหากต้องการได้ผลตอบแทนสูง

ตรงนี้เองที่การเทรด Forex จึงกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับสัญญาซื้อขายที่เรียกว่า CFDs เพื่อให้เราสามารถใช้เงินจำนวนเพียงเล็กน้อยไปเทรดสัญญามูลค่าที่สูงกว่าเงินลงทุนของเราได้ โดยโบรกเกอร์จะใช้วิธีกันเงินจำนวนหนึ่งของเราเป็นหลักประกันและใช้เครื่องมือที่เรียกว่าอัตราทด (Leverage Ratio) ให้เราสามารถสัญญาที่คิดเป็นมูลค่าสูง ๆ ได้ วิธีการเทรด Forex จึงมีลักษณะคล้ายกันกับการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือสัญญาฟิวเจอร์ส (Futures) คือเป็นการเทรดที่ใช้มาร์จิน หรือ Margin Trading นั่นเอง

อ่านบทความเรื่อง Margin คือ อะไร | เข้าใจ Margin กับการเทรด Forex เพื่อศึกษาคำศัพท์ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเทรด Forex ทั้ง Margin Level, Margin Call, Free Margin

Leverage Ratio คือ อะไรในการเทรด Forex?

ในตลาด Forex นั้น Leverage Ratio คือ อัตราทด หรืออัตราส่วนของการวางเงินเป็นหลักประกัน (margin) ตามเงื่อนไขเพื่อให้สามารถเทรดในสัญญาที่มีมูลค่าสูงกว่าได้ ซึ่งการเทรดประเภทนี้เราจะเรียกว่า Margin Trading 

โดยคำว่า Leverage แปลตรงตัวจะแปลว่า ที่งัด หรือเครื่องมืองัด หรือกล่าวได้ว่าเป็น “เครื่องทุ่นแรง” ชนิดหนึ่ง ดังนั้น Leverage นี้จึงเหมือนกับช่วยทุ่นแรงหรือเพิ่มพลังให้เราสามารถเทรดสัญญาที่มีมูลค่ามหาศาลได้ 

ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเราอยากซื้อขาย GBPUSD ด้วยเงิน $10,000 แต่เราไม่มีเงินขนาดนั้น เราก็จะเลือกใช้ Leverage ที่อัตราต่าง ๆ คือ

• 1:10 คือ เราจะต้องมีเงินแค่ 1 ใน 10 ของมูลค่าสัญญา  = 1,000 ดอลลาร์เพื่อเทรดสัญญามูลค่า $10,000
• 1:100 คือ เราจะต้องมีเงินแค่ 1 ใน 100 ของมูลค่าสัญญา = 100 ดอลลาร์
• 1:200 คือ เราจะต้องมีเงินแค่ 1 ใน 200 ของมูลค่าสัญญา = 50 ดอลลาร์
• 1:500 คือ เราจะต้องมีเงินแค่ 1 ใน 500 ของมูลค่าสัญญา = 20 ดอลลาร์

Leverage Ratio	% ที่ใช้เพื่อเปิดเทรด 1 Lot	$ จำนวนเงินที่ใช้เพื่อเทรด 1 Standard Lot	$ จำนวนเงินที่ใช้เพื่อเทรด 1 Mini Lot
400:1	0.25%	$250	$25
200:1	0.50%	$500	$50
100:1	1%	$1000	$100
50:1	2%	$2000	$200
25:1	4%	$4000	$400

ดังนั้น เวลาเราฝากเงินเข้าไปเทรด Forex โบรกเกอร์ก็จะกันเงินส่วนหนึ่งตามเงื่อนไขเอาไว้เป็นหลักประกัน หรือ margin ตาม leverage ratio ที่เราเลือกตั้งแต่เปิดบัญชีนั่นเอง 

ข้อดีและข้อเสียของค่า Leverage Ratio คือ

ข้อดีหลักก็คือ Leverage นั้นเป็นเครื่องมือในการลงทุนที่ให้เรามีกำลังที่จะลงทุนได้มากขึ้น ดังนั้นถึงแม้อัตราแลกเปลี่ยนจะขยับเพียงนิดเดียว Leverage นี้เองจะช่วยให้เราได้กำไรหลายเท่าตัวได้

โดยในกรณีที่เทรดถูกทาง ยิ่งค่า Leverage มีอัตราสูง ก็จะยิ่งมีโอกาสทวีคูณผลกำไรได้มาก 

แต่! ห้ามลืมเป็นอันขาดว่า ถ้าเกิดผิดทางขึ้นมา การติดลบก็จะทวีคูณตามอัตราทด หรือ Leverage เช่นกัน ลองดูตัวอย่างเทรดเดอร์สองคนด้านล่างนี้ที่เลือกเทรดด้วย Leverage Ratio คือ 1:100, 1:10

งั้นเรามาดูตัวอย่างให้เห็นภาพกันว่าการใช้ Leverage ที่อัตราต่างกันนั้นส่งผลต่อผลลัพธ์เวลาเทรดจริง ๆ ยังไง สมมติว่ามีเทรดเดอร์สองคน ซึ่งสองคนนี้มีเงินตั้งต้นเท่ากันคือ $10,000 แต่เปิดบัญชีที่มีค่า Leverage ต่างกัน โดยทั้งสองคนเทรดทุกอย่างเหมือนกันหมดต่างกันแค่อัตราเลเวอเรจเท่านั้น 

• เทรดเดอร์ ก ใช้ Leverage Ratio คือ 1:100 โดยเทรด Sell คู่ USD/JPY มูลค่าสัญญาของเทรดเดอร์ ก จะเท่ากับ 100 x 10,000 = 1,000,000 โดยที่มูลค่า Pip ต่อ 1 Standard Lot (100,000 หน่วย) =  $7.31 แล้ว 1 pip ของ 10 Standard Lots = 7.31 x 10 = 73.4 ดังนั้นถ้า USD/JPY อยู่ที่ 136.00 แล้วราคาขยับขึ้นเป็น 137 แปลว่า นักเทรดติดลบไป -100 pip (เพราะว่า Sell แต่ราคาขยับขึ้น) ในกรณีนี้นักเทรด ก จะเสียเงินเป็นจำนวน $7.31 x 100 = $7,310 (มูลค่า Pip x จำนวน Pip) ซึ่งคิดเป็น 73.10% ของเงินในพอร์ตทั้งหมด!
• เทรดเดอร์ ข Leverage Ratio คือ 1:10 โดยเทรดเหมือนเกณฑ์ข้างต้นทุกประการ ในที่นี้ เทรดเดอร์ ข จะมีมูลค่าสัญญาเท่ากับ 10 X 10,000 = 100,000 เท่ากับ 1 Standard Lot พอดี ในกรณีที่นักเทรดติดลบ 100 pip ก็จะเสียเงินจำนวน $731 (7.31 x 1 x 100) หรือคิดเป็นแค่ 7.31% ของเงินต้น 10,000 ดอลลาร์เท่านั้น

แต่ถ้าเกิดเทรดเดอร์สองคนนี้โชคดีได้กำไรขึ้นมา คนแรกก็จะได้กำไรถึง 7,315 และคนที่สองได้ 731.5 เหรียญนั่นเอง

เพราะฉะนั้น เราพูดได้เต็มปากเลยว่า Leverage คือ ดาบสองคม

ข้อดีคือมันสามารถทำกำไรได้มหาศาล เมื่อราคาขยับแค่เล็กน้อย แต่ข้อเสียที่สำคัญและเทรดเดอร์ทุกคนควรคำนึงเสมอก็คือถ้าตลาดผันผวนตรงกันข้ามกับทิศทางที่เราเทรดเมื่อไร ก็จะติดลบขาดทุนมหาศาลในพริบตาได้เช่นกัน

ถ้าใครยังไม่เข้าใจว่า Pip Value คืออะไร ลองศึกษาบทความของเราเรื่อง Pip คือ? ในตลาด Forex จะช่วยให้กระจ่างมากขึ้น

เลือก Leverage เท่าไรดี?

ทางที่ดีสำหรับการเลือก Leverage Ratio คือ ควรเลือกอัตราทดอย่างระมัดระวัง หากคุณเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นอยากลองหัดเทรด ก็อาจจะลองที่ 1:10, 1:30 แต่ถ้าเป็นสายซิ่งและยอมรับความเสี่ยงได้เต็มพิกัดก็จัดแบบ 1:500 ขึ้นไปได้เลย

ส่วนสำหรับคนไหนที่อยากลองฝึกเทรดกองทุน Forex ก็อาจเลือก leverage ที่คล้ายกันคือ 1:30 กับ 1:100 แบบ swing trade ของ FTMO หรือ 1:10, 1:30 ของ 5%ers และ 1:100, 1:500 ของ MFF ขึ้นอยู่กับประเภทระดับความเสี่ยงที่เราจะเทรดด้วย Prop firms ส่วนใหญ่จะมีหลายโปรแกรมให้เราเลือกทั้งแบบ Leverage สูงและต่ำ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและความถนัดของแต่ละคน (ว่ายอมรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน)

อย่างที่บอก Leverage Ratio ถ้าใช้ให้ดีจะเป็นเครื่องมือที่นำกำไรมาให้กับคุณ แต่หัวใจสำคัญจริง ๆ แล้วคือเรื่องการจัดการความเสี่ยง (risk management) เพราะถ้าเราบริหารความเสี่ยงเป็นและวินัย อัตราทดจะ 1:10 หรือ 1:1000 เราก็อยู่รอดและทำกำไรได้